ภูมิปัญญาชาวบ้านในชุมชน
ภูมิปัญญาชาวบ้าน หมายถึง ความรู้ของชาวบ้านซึ่งเรียนรู้มาจากปู่ ย่า ตา ยาย ญาติพี่น้อง และความเฉลียวฉลาดของแต่ละคน หรือผู้มีความรู้ในหมู่บ้านในท้องถิ่นต่างๆภูมิปัญญาชาวบ้านเป็นเรื่องการทำมาหากิน เช่น การจับปลา การจับสัตว์ การปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ การทอผ้า การทำเครื่องวมือการเกษตร
ภูมิปัญญาเหล่านี้เป็นความรู้ความสามารถที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์และถ่ายทอดมาให้เรามีวืธีการหลายอย่างที่ทำให้ความรู้เหล่านี้เกิดประโยชน์แก่สังคมปัจจุบัน คือ
การอนุรักษ์ คือ การบำรุงรักษาสิ่งที่ดีไว้ เช่น ประเพณีต่างๆ หัตถกรรม และคุณค่าหรือการปฏิบัติตนเพื่อความสัมพันธ์อันดีกับคนและสิ่งแวดล้อม
การฟื้นฟู คือ การรื้อฟื้นสิ่งที่ดีงามที่หายไป เลิกไป หรือกำลังจะเลิกให้กลับมาเป็นประโยชน์ เช่น การรื้อฟื้นดนตรีไทย
การประยุกต์ คือ การปรับหรือผสมผสานคสามรู้เก่ากับความรู้ใหม่เข้าด้วยกันให้เหมาะสมกับสมัยใหม่ เช่น การใช้ยาสมุนไพรในโรงพยาบาลประสานกับการรักษาใหม่ การทำพิธีบวชต้นไม้ เพื่อให้เกิดสำนึกการอนุรักษ์ธรรมชาติรักษาป่ามากยิ่งขึ้น
การสร้างใหม่ คือ การคิดค้นใหม่ที่วัมพันธ์กับความรู้ดั้งเดิม เช่น การประดิษฐ์โปงลาง การคิดโครงการพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาชุมชน โดยอาศัยคุณค่าความเอื้ออาทรที่ชาวบ้านเคยมีต่อกันมาหารูปแบบใหม่ เช่น การสร้างธนาคารข้าว ธนาคารโคกระบือ การรวมกลุ่มแม่บ้าน เยาวชน เพื่อทำกิจกรรมกันอย่างมีระบบยิ่งขึ้น
ปราชญ์การทำกาละแมมอญ
ประวัติ
นายบัณฑิต ญาตินุกุล อายุ ๕๙ ปี
การศึกษา ระดับประถมศึกษาชั้นปีที่ ๔ โรงเรียนหนองตาพต
อาชีพ ทำนา
บ้านเลขที่ ๑๔ หมู่ ๘ ตำบลบางเก่า อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ๗๖๑๒๐
ชุมชนบ้านม่วงเป็นชุมชนชาวไทยเชื้อสายมอญและชุมชนบ้านม่วงก็มีขนมกาละเมซึ่งจะทำในงานบุญ เช่น งานบวช เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งการืำขนมกาละเเมในเทศกาลสงกรานต์นั้นก็เพื่ออนุรักษ์สืบทอดการทำขนมกาละแมเพือให้อยู่คู่กับชุมชนบ้านม่วงจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
ส่วนผสมของกาละแมมอญ
๑.แป้งข้าวเหนียว
๒.น้ำตาลโตนด
๓.น้ำกะทิ
อุปกรณ์
๑.กระทะใบบัว
๒.พายเหล็ก
๓.เตาดินขุด
๔.ถาด
๕.ใบตอง
๖.ฟืน (ใช้ไม้แห้งทำเชื้อเพลิง เช่น ไม้ไผ่ เพราะให้ไฟแรงดี)
วิธีทำ
๑.ล้าง(ซาว)ข้าวเหนียวให้สะอาด แล้วนำข้าวเหนียวแช่กับน้ำเปล่าเป็นเวลา ๑ คืน
๒.นำข้าวเหนียวที่แช่แล้วใส่เครื่อง โม่หินเพื่อโม่ข้าวเหนียวให้ละเอียดเป็นแป้ง
๓.ตั้งกะทะใบบัวบนเตาเทหัวกะทิ เค่ยวน้ำกะทิจนจนกะทิแตกมันแล้วเทน้ำเปล่าลงในกระทะเพื่อให้น้ำมันกะทิลอยขึ้นมาแล้วตักน้ำมัน กะทิออกส่วนหนึ่ง ไว้ใช้ทาใบตองเพื่อไม่ให้ขนมกาละแมติดภาชนะ
๔.เทน้ำตาลโตนดและแป้งข้าวเหนียวลงไปในกระทะในระหว่างนี้ใช้พายคนให้เข้ากันจนส่วนผสมทั้งหมดเดือด
๕.การกวนต้องกวนตลอดเวลาจนส่วนผสมงวดลง สังเกตุได้จากสีของกาละแมที่เริ่มเปลี่ยน จากสีขาวจนค้ำและเป็นสีดำ ใช้เวลากวน ประมาณ ๓-๔ ชั่วโมงแลฃะต้องกวนให้ถึงถ้นกระทะเพื่อไม่ให้กาละแมไหม้
๖.กาละแมที่งวดจะได้ที่แล้วหรือยังนั้นมีวิธีตรวจสอบแบบต้นตำหรับคือใส่ใบตองสดลงในกระทะ สังเกตุดูว่าหาดกาละแมติดใบตองหรือ ไม่ หากไม่ติดกันเป็นอันใช้ได้
๗.ตักนำกาละแมใส่ในถาดที่ปูด้วยใบตอง ที่ทาด้วยน้ำกะทิเพื่อป้องกันไม่ให้เหนียวติดกระทะ
ปราชญ์การทำน้ำโตนด
ประวัติ
นางสมรักษ์ เขียวงาม อายุ ๖๐ ปี
นายบุญเยี่ยม เขียวงาม อายุ ๕๙ ปี
บ้านเลขที ๒ หมู่ ๘ ตำบลบางเก่า อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ๗๖๑๒๐
การศึกษา ระดับประถมศึกษาชั้นปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านนิคม
มีบุตร ๑ คน เป็นหญิง
การทำน้ำตาลโตนด
๑.การทำน้ำตาลโตนดทำสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ น้ำตาลโตนดสามารถทำได้ทั้งปี
๒.การเก็บน้ำตาลโตนด จะเก็บได้ ๒ ช่วง เก็บตอนเช้า เรียกว่าน้ำตาลเช้า เก็บตอนเย็นเรียกว่าน้ำตาลเที่ยงโดยน้ำเช้าจะเก็บจากกระบอกที่นำไปใส่ไว้ตอนเย็นของเมื่อวาน ส่วนน้ำตาลเย็นจะเก็บจากกระบอกที่ใสไว้ตอนตอนเช้าของวัน ต้นตาล ๑ ต้น จะสามารถเก็บน้ำตาลโตนดได้ประมาณ ๓-๕ กระบอก หรือสูงสุดประมาณ ๒ ลิตร บางวันอาจจจะไมมีเลยก็มี
๓.ความเชื่อของคนที่ไปขึึ้นเอาน้ำตาลโตนด เชื่อว่า ถ้าใส่ชุดไหนเก็บน้ำตาลโตนด ต้องใส่ชุดนั้นทุกครั้งที่ไปเก็บน้ำตาลโตนด ถ้าหากไม่ใส่ชุดนั้นไปขึ้นน้ำตาลโตนดจะทำให้ไม่ได้น้ำตาลโตนดหรือต้นตาลจะไม่ผลิตน้ำตาลลงในกระบอก นี่จึงเป็นความเชื่อของทุกคนที่นี่ ที่ต้องขึ้นต้นตาลโตนดไปเก็บน้ำตาล
การผลิตปุ๋ยอินทรีย์น้ำ โดยใช้สารเร่งซุปเปอร์ พด.๒
๑.ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ หมายถึง ปุ๋ยอินทรีย์ในรูปชองเหลว ซึ่งได้จากการย่อยสลายของวัสดุเหลือใช้จากพืชหรือสัตว์ ลักษณะสด อวบน้ำ หรือ มีความชื้นสูงโดยอาศัยกิจกรรมของจุลินทรีย์ ทั้งในสภาพที่ไม่มีอากาศและมีอากาศ ได้ของเหลวงสีน้ำตาล ประกอบด้วยฮอร์โมนหรือสารเสริมการเจริญเติบโตของพืช เช่น กรดแลคติก กรดอะซิติก กรดอะมิโน และกรดฮิวมิก
๒.สารเร่งซุปเปอร์ พด.๒ เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติในการย่อยสลายวัสดุการเกษตรในลักษณะสด อวบน้ำ หรือมีความชื้นสูง เพื่อผลิตปุ๋ยอินทรีย์น้ำ โดยดำเนินกิจกรรมทั้งในสภาพที่ไม่มีอากาศและมีอากาศ ประกอบด้วยจุลินทรีย์ ๕ สายพันธุ์
๓.ส่วนผสมสำหรับปุ๋ยอินทรีย์น้ำ
ปุ๋ยอินทรีย์น้ำจากผักและผลไม้ จำนวน ๕๐ ลิตร (ใช้เวลาหมัก ๗ วัน)
- ผักหรือผลไม้ ๔๐ กิโลกรัม
- กากน้ำตาล ๑๐ กิโลกรัม
- น้ำ ๑๐ ลิตร
- สารเร่งซุปเปอร์ พด.๒ ๑ ซอง ( ๒๕ กรัม )
ปุ๋ยอินทรีย์น้ำจากปลาหรือหอยเชอร์รี่ จำนวน ๕๐ ลิตร ( ใช้เวลาหมัก ๑๕-๒๐ วัน )
- ปลาหรือหอยเชอร์รี่ ๓๐ กิโลกรัม
- ผลไม้ ๑๐ กิโลกรัม
- น้ำ ๑๐ ลิตร
- สารเร่งซุปเปอร์ พด.๒ ๑ ซอง (๒๕ กรัม)
๔.วิธีการทำปุ๋ยอินทรีย์น้ำ โดยใช้สารเร่งซุปเปอร์ พด.๒
- หั่นหรือสับ วัสดุ (พืชหรือสัตว์) ให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ผสมกับกากน้ำตาลในถังหมักขนาด ๕๐ ลิตร
- นำสารเร่งซุปเปอร์ พด.๒ จำนวน ๑ ซอง รวมกับน้ำ ๑๐ ลิตร คนให้เข้ากัน ๕ นาที
- เทสารละลายซุปเปอร์ พด.๒ ในถังหมัก คนส่วนผสมให้เข้ากัน ปิดผาไม่ต้องสนิทและตั้งทิ้งไว้ในที่ร่ม
- ในระกว่างการหมัก คนหรือกวน ๑-๒ ครั้ง/วัน เพื่อระบายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และทำให้ส่วนผสมคลุกเคล้าได้ดียิ่งขึ้น
- ในระหว่างการหมักจะเห็นฝ้าขาว ซึ่งเป็นเชื้อจุลินทรีย์ ที่ผิวหน้าของวัสดุหมัก ฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และกลิ่นแอลกอฮอล์
๕.การผลิตปุ๋ยอินทรีย์น้ำโดยวิธีต่อเชื้อ
- การผลิตปุ๋ยอินทรีย์น้ำโดยวิธีการต่อเชื้อ เป็นการผลิตปุ๋ยหมักอินทรีย์น้ำโดยไม่ใช้สารเร่งซุปเปอร์ พด.๒ ทำได้โดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำที่ทีอายุการหมัก ๕ วัน ซึ่งจะสังเกตุเห็นฝ้าสีขาวที่ผิวหน้าวัสดุหมัก โดยใช้จำนวน ๒ ลิตร แทนการใช้สารเร่งซุปเปอร์ พด.๒ จำนวน ๑ ซอง จะสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์น้ำได้จำนวน ๕๐ ลิตร
๖.การพิจารณาปุ๋ยอินทรีย์ที่หมักสมบูรณ์แล้ว
- การเจริญของจุลินทรีย์น้อยลง โดยคราบเชื้อที่พบในช่วงแรกจะลดลง
- ไม่พบฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- กลิ่นแอลกอฮอล์ลดลง
- ความเป็นกรดด่าง (PH) อยู่ระหว่าง ๓-๔
๗.อัตราและวิธีการใช้
- เจือจางปุ๋ยอินทรีย์น้ำ ต่อน้ำ อัตราส่วน ๑ : ๕๐๐ - ๑ : ๑,๐๐๐
- ฉีดพ่นหรือรดลงดิน ในช่วงระยะการเติบโตของพืช
๘.จุดเด่นของสารซุปเปอร์ พด.๒
- สามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์น้ำ จากวัตถุดิบได้หลากหลาย เช่น ผัก ผลไม้ ปลา หอยเชอร์รี่ เปลือกไข่ เศษก้างและกระดูกสัตว์
- จุลินทรีย์ที่เจริญเติบโตได้ในสภาพเป็นกรด
- จุลินทรีย์ส่วนใหญ่สร้างสปอร์ ทำให้ทนต่อสภาพแวดล้อมและการเก็บรักษาได้นาน
- สามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ในเวลาสั้นและได้คุณภาพ
- ช่วยให้พืชแข็งแรง ต้านทานต่อการเข้าทำลายของโรคและแมลง
๙.ประโยช์ของปุ๋ยอินทรีย์น้ำ
- ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช โดยพบว่าปุ๋ยอินทรีย์น้ำ มีฮอร์โมน และกรดอินทรีย์หลายชนิด เช่น ออกซิเจน จิบเพอลิน ไซโตไซนิน กรดแลคติก กรดอะซิติก กรดอะมิโน และกรดฮิวมิก
- กระตุ้นการงอกของเมล็ด
- เพิ่มการย่อยสลายของตอหรือซังพืช
ข้อเสนอแนะ
การใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น จะต้องปรับปรุงบำรุงดิน ด้วยปุ๋ยอินทรีย์
การผลิตปุ๋ยหมักโดยใช้สารเร่งซุปเปอร์ พด.๑
ปุ๋ยหมัก เป็นปู๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่งเกิดจากการนำซากหรือเศษเหลือจากพืชผักมาหมักรวมกันและผ่านกระบวนการย่อยสลายโดยกิจกรรมจุลินทรีย์ จนเปลี่ยนสภาพไปจากเดิม เป็นวัสดุที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม เปื่อยยุ่ย ไม่แข็งกรระด้าง และมีสีน้ำตาลปนดำ
สารเร่งซุปเปอร์ พด.๑ เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการย่อยสลายวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูป ผลผลิตทางการเกษตรเพื่อผลิตปุ๋ยหมักในเวลารวดเร็วและมีคุณภาพสูงขึ้น ประกอบด้วยเชื้อรา และแอคติโนมัยซีสที่ย่อยสารประกอบเซลลูโลสและแบคทีเรียที่ย่อยไขมัน
ส่วนผสมของปุ๋ยหมัก
ในการทำปุ๋ยหมัก ๑ ตัน
เศษพืชแห้ง ๑,๐๐๐ กิโลกรัม
มูลสัตว์ ๒๐๐ กิโลกรัม
ปุ๋ยไนโตรเจน ๒ กิโลกรัม
สารเร่งซุปเปอร์ พด.๑ ๑ ซอง
วิธีการทำปุ๋ยหมัก
การกองปุ๋ยหมัก ๑ ตัน มีขน่ดความกว้าง ๒ เมตร ยาว ๓ เมตร สูง ๑.๕ เมตร การกองมี ๒ วิธี ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุ วัสดุที่มีขนาดเล็กให้คลุกเคล้าวัสดุให้เข้ากันแล้วจึงกองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่วนวัสดุที่มีชื้นส่วนยาวให้กองเป็นชั้น ๆ ประมาณ ๓-๔ ชั้น โดยแบ่งส่วนผสมที่จะกองออกเป็น ๓-๔ ส่วน ตามจำนวนชั้นที่จะกอง มีวืธีการกองดังนี้
๑.ผสมสารเร่งซุปเปอร์ พด.๑ ในน้ำ ๒๐ ลิตร นาน ๑๐-๑๕ นาที เพื่อกระตุ้นให้จุลินทรีย์อกจากสภาพที่เป็นสปอร์และพร้อมจะเกิดกิจกรรมการย่อยสลาย
๒.การกองชั้นแรกให้นำวัสดุที่แบ่งไว้ส่วนที่หนึงมากองเป็นชั้นมีขนาดกว้าง ๒ เมตร ยาว ๓ เมตร สูง ๓๐-๔๐ เซนติเมตร ย่ำให้พอแน่นและรดน้ำให่ชุ่ม
๓.นำมูลสัตว์โรยที่ผิวหน้าเศษพืชตามด้วยปุ๋ยไนโตรเจน แล้วราดสารละลายสารเร่งซุปเปอร์ พด.๑ ให้ทั่วโดยแบ่งเป็นชั้น ๆ
๔.หลังจากนั้นนำเศษพืชมากองทับเพื่อทำชั้นต่อไป ปฏิบัติเหมือนการกองชั้นแรก ทำเช่นนี้อีก ๒-๓ ชั้น ชั้นบนสุดของกองปุ๋ยควรปิดทับด้วยด้วยเศษพืชที่เหลืออยู่เพื่อป้องกันการสูญเสียความชื้น
การดูแลรักษากองปุ๋ยหมัก
- รดน้ำรักษาความชื้นในกองปุ๋ย : ให้มีความชื้นประมาณ ๕๐-๖๐%
- การกลับกองปุ๋ยหมัก : กลับกอง ๑๐ วันต่อครั้ง เพื่อเพิ่มออกซิเจน ลดความร้อนในกองปุ๋ยและช่วยให้วัสดุคลุกเคล้ากัน หรือใช้ไม้ไผ่เจาะรูให้ทะลุตลอดทั้งลำและเจาะรูด้านข้างปักรอบๆกองปุ๋ยหมัก ห่างกันลำละ ๕๐-๗๐ เซนติเมตร
- การเก็บรักษากองปุ๋ยหมักที่เสร็จแล้ว : เก็บไว้ในโรงเรือน อย่าตากแดดและฝนพรำจะทำให้ธาตุอาหารพืชในปุ๋ยหมักสูญเสียไปได้
หลักการพิจารณาปุ๋ยหมักที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว
๑. สี : มีสีน้ำตาลเข้มจนถึงสีดำ
๒.ลักษณะ : อ่อนนุ่ม ยุ่ย ไม่แข็งกระด้างและขาดออกจากกันได้ง่าย
๓.กลิ่น : ปุ๋ยหมักที่เสร็จสมบูรณ์จะไม่มีกลิ่นเหม็น
๔.ความร้อนในกองปุ๋ย : อุณหภูมิในกองปุ๋ยใกล้เคียงกับอุณหภูมิภายนอกกอง
๕.การเจริญของพืชบนกองปุ๋ยหมัก : พืชสามารถขึ้นบนกองปุ๋ยหมักได้โดยไม่เป็นอันตราย
๖.การวิเคราะห์ทางเคมี : ค่าอัตราส่วนคาร์บอนต่อไนโตรเจนเท่ากับหรือต่ำกว่า ๒๐: ๑
อัตราและวิธีการใช้ปุ๋ยหมัก
เตรียมหลุมปลูก : ใช้ ๒๐ กิโลกรัมต่อหลุม คลุกเคล้ากับปุ๋ยหมักกับดินใส่รองก้นหลุม
ต้นพืชที่เสร็จแล้ว : ใช้ ๒๐-๕๐ กิโลกรัมต่อต้น ขึ้นอยู่กับอายุของพืช โดยขุดร่องตามแนวทรงพุ่ม ใส่ปุ๋ยหมักในร่องและกลบด้วยดินหรือหว่านให้ทั่วภายใต้ทรงพุ่ม
จุดเด่นของสารเร่งซุปเปอร์ พด.๑
ประโยชน์ของปุ๋ยหมัก
ปราชญ์เพลงพื้นบ้าน
นายเสงี่ยม ญาตินุกุล อายุ ๗๔ ปี
การศึกษา ชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ ๔ โรงเรียนหนองตาพต
บ้านเลขที่ ๕๕ หมู่ ๘ ตำบลบางเก่า อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ๗๖๑๒๐
อาชีพ ทำนาและช่างไม้
มีบุตร ๓ คน ลูกชาย ๑ คน ลูกสาว ๑ คน
นายเชือน เผือกเงิน อายุ ๗๔ ปี
การศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านหนองตาพต
บ้านเลขที่ ๕๐ หมู่ ๘ ตำบลบางเก่า อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ๗๖๑๒๐
อาชีพ ทำนา ช่างก่อสร้าง รับจ้างทั่วไป และนอกจากนี้ลุงเชือนยังมีความรู้ความสามารถด้านการทำด้ามมีดและปลอกมีด
มีดเงินและปลอกใส่มีด
เพลงพื้นบ้าน ชุมชนบ้านม่วงเป็นชาวไทยเชื้อสายมอญซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษและยังมีการสืบทอดการละเล่นพื้นบ้านที่จะเล่นกันในช่วงว่างเว้นจากฤดูกาลทำนา หรือช่วงเทศกาลวันสำคัญทางศาสนา หรือประเพณีวันตรุษสงกรานต์ ซึ่งการเล่นเพลงโนเน เริ่มเลือนหายไปจากสังคมตามกาลเวลา ปัจจุบันยังมีพ่อเพลง แม่เพลง ในชุมชนบ้านม่วงที่ยังคงสืบทอดกันอยู่ และมีการสอนเพื่อสืบทอดและอนุรักษ์ไว้ โดยเยาวชนของโรงเรียนโตนดหลวงวิทยา
วิธีการละเล่นเพลงโนเน อดีตจะเป็นการเล่นโดยที่ทุกคนจะจับมือต่อๆกันกันไปไม่จำกัดจำนวนผู้เล่นและร้องเพลงเต้นรำกันไป คนที่อยู่ท้ายสุดจะพากันรอดแขนของคู่แรก และจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ยุคปัจจุบันจะเป็นเพียงการร้อง รำ และปรบมือเป็นจังหวะ การเล่นเพลงโนเนของชาวบ้านม่วงจะเล่นกันเป็นเวลา ๔ วัน ๔ คืน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์
เนื้อเพลงโนเน
ชาช่า เชื้อเชิญเอย
ขอเชิญพ่อหงส์เหมเอยมาลา
เชิญพ่อ ย่างพาที
เถิดพ่อศรีมาลา
*โนเน โนช่า ชะ โนเนเอย (ซ้ำ ๒ ครัง)
เพลงโนเนที่เราร้องขาน
มันมีมานานเป็นร้อยๆปี
เป็นเพลงที่เก่านานนัก
ช่วยอนุรักษ์ไว้ให้ดี
*โนเน โนช่า ชะ โนเนเอย (ซ้ำ ๒ ครั้ง )
รักน้องมานานนัก
ตั้งแต่หอยจับหลัก อยู่ที่กลางทะเล
พี่รักน้องหนู ตั้งแต่อยู่ในเปล
*โนเน โนช่า ชะโนเนเอย (ซ้ำ ๒ ครั้ง )
อนิจจาแม่ยาจิต
น้ำแห้งเรือติดพี่ไปไม่ได้
ขอไม้ขีดให้พี่ซักกล่อง
แล้วพี่จะส่องทางไป
*โนเน โนช่า ชะโนเนเอย (ซ้ำ ๒ ครั้ง)
เดือน ๔ พี่มาว่า
มาถึงเดือน ๕ มาขอน้องไว
เค้าว่าสินสอดน้องมันแพง (ซ้ำ)
แล้วพี่จะมีเงินแต่งน้องเมื่อไหร่
*โนเน โนช่า ชะโนเนเอย (ซ้ำ ๒ ครั้ง)
หาหมอดูเอย
หมอว่าคู่ฉันอยู่ทางนี้
หมอว่าไม่ดำไม่ขอ
หรือเป็นน้องสาวคนนี้
*โนเน โนช่า ชะโนเนเอย (ซ้ำ ๒ ครั้ง)
เนื้อเพลงนั้นไม่ตายตัวจะร้องแก้เพลงกันแล้วแต่ว่าพ่อเพลง แม่เพลง จะร้องแก้หรือเกี้ยวกันอย่างไร แต่พอเนื้อเพลงจบแต่ละท่อนลูกคู่จะร้องรับด้วยคำว่า “โนเน โนช่า ชะโนเนเอย”ทุกครังที่ร้องจบท่อน
เนื้อเพลงพวงมาลัย
เอ้อละเหยลอยมา แต่บ้านดอน
นี่ไม่ใช่สาวแท้ แต่บ้านแม่ลูกอ่อน
นุ่งผ้านุ่งผ่อน ผิดแต่ก่อนนี้เอย
นางเอื้อน ลูกอิน อายุ ๖๓ ปี
อาชีพ รับซื้อของเก่า ปลูกผัก
การศึกษาจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนเทศบาลหนองตาพต
มีบุตร ๒ คน
นายเชือน เผือกเงิน อายุ ๗๔ ปี
การศึกษาจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนเทศบาลหนองตาพต
บ้านเลขที่ ๕๐ หมู่ ๘ ตำบลบางเก่า อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ๗๖๑๒๐
อาชีพ ทำนา ช่างก่อสร้าง รับจ้างทั่วไป และนอกจากนี้ลุงเชือนยังมีความรู้ ความสามารถด้านการทำด้ามมีดและปลอกมีด
|
เทศบาลตำบลบางเก่า
|
|
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ลิขสิทธิ์ © 2553 - 2566 เทศบาลตำบลบางเก่า สงวนไว้ซึ่งสิทธิทั้งหมด.